เมื่อเวลาผ่านไป มาตรฐานความงามก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนตามยุคสมัย คือ หน้าผากและศีรษะที่โค้งมน มีวอลลุ่ม
ด้วยเหตุนี้ หากมีปัญหาเรื่องของหน้าผากและศีรษะที่ขาดวอลลุ่ม จึงเลือกทำศัลยกรรมหน้าผาก หรือ ศัลยกรรมหัวทุยนั่นเอง ซึ่งล่าสุดมีการทำศัลยกรรมทั้งสองจุดควบคู่กัน เรียกว่า การทำศัลยกรรมศีรษะ
(ภาพศัลยแพทย์ จองอูจิน โรงพยาบาลศัลยกรรมไอเทม)
การทำศัลยกรรมศีรษะ นั้น ทำให้รูปทรงของศีรษะเข้ากับทรงผมได้ทุกสไตล์ โดยแบ่งออกเป็นประเภทหลักได้แก่ ศัลยกรรมหน้าผาก และ ศัลยกรรมหัวทุย ในการผ่าตัดจะวางยาโดยการฉีดเข้าเส้นโลหิตดำ และผ่าตัดภายในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมื่อผ่าตัดเสร็จจะต้องพักฟื้นประมาณ 1 ชั่วโมงจึงสามารถกลับบ้านได้ หลังผ่าตัดประมาณ 7 วัน จะถึงกำหนดตัดไหม และอาจมีการตรวจเช็คแผลอีก 1-2 ครั้ง
สำหรับกรณีที่หน้าผากแบน ไม่ใช่เพียงปัญหาความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่หน้าผากยังมีหน้าที่สำคัญ เพราะมีส่วนช่วยทำให้ใบหน้าดูเล็กลงมากขึ้น หากหน้าผากโค้งมนอย่างมีวอลลุ่ม จึงเกิดการทำศัลยกรรมหน้าผาก โดยทั่วไปเช่น ฉีดไขมัน, เสริมซิลิโคน รวมถึงฉีดฟิลเลอร์ เป็นต้น
ทางด้านศัลยแพทย์ จองอูจิน จากโรงพยาบาลศัลยกรรมไอเทม (Item Plastic Surgery) ได้กล่าวอธิบาว่าย ‘คนส่วนใหญ่คงคิดไปถึงการใช้ซิลิโคนเสริมเข้าไป แต่ในปัจจุบันนั้นแต่ละโรงพยาบาลศัลยกรรม ก็มีการนำวัสดุที่เรียกว่า MMA (Methyl Met-Acrylate) มาใช้ในการทำศัลยกรรมหน้าผาก และ ศัลยกรรมหัวทุย’
อีกทั้งไม่จำเป็นจะต้องโกนผมออก หลังจากผ่าตัดสามารถนอนหลับได้ตั้งแต่วันเดียวกัน ไม่มีอาการบวมลามมาถึงใบหน้า และใช้เวลาพักฟื้นเพียงไม่นาน
ลิขสิทธิ์ข้อมูลโดย www.oppame.com
Comments