top of page
รูปภาพนักเขียน

รีวิว ศัลยกรรมผ่าโครงหน้า แก้จมูก และยกหน้าผากของเฟย ไม่ต้องปิดหน้าแล้ว !!





สวัสดีค่า

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวที่ทำให้เราตัดสินใจรับ

การผ่าตัดศัลยกรรมค่ะ


เริ่มต้นจากจมูกค่ะ

จมูกรอบนี้เราเป็นเคสแก้(ทำครั้งที่2)

เดิมทีเราเป็นคนไม่มีดั้งเลยค่ะ โดนล้อบ่อยตั้งแต่เด็ก

พอขึ้นมหาลัยปี3ก็มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนที่เชี่ยวชาญ

เรื่องความสวยความงาม เค้าก็แนะนำหมอท่านหนึ่งให้

ซึ่งเพื่อนเราก็ทำจมูกกับหมอท่านนั้น (ออกมาสวยด้วย)

ด้วยความที่เราขี้เกียจจองคิวหมอดังๆเป็นเดือน

คือใจมันอยากทำ 555 และไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลอะไรมาก

ก็ฝากเพื่อนจองคิวหมอท่านนี้ให้

และตัดสินใจทำจมูกในเวลาไม่นานค่ะ

ก่อนทำครั้งแรกก็มีปรึกษาหมอ และมีซีมูเลชั่นจำลอง

แบบจมูกเราหลังทำซึ่งสวยมากกก (คาดหวังมาก)

แต่อย่าลืมนะคะ ซีมูเลชั่นคือแบบ ‘จำลอง’

ซึ่งมันก็คือจินตนาการของคอมพิวเตอร์ค่ะ

ซึ่งบางเคสอาจออกมาใกล้เคียง หรือไม่เหมือนเลย(เช่นเราเป็นต้น)

การทำจมูกครั้งแรกเป็นการทำแบบ closed

และใช้ซิลิโคนรูปตัว L (ตามสูตรเกาหลีถือเป็น

ซิลิโคนที่ล้าหลังมากกกก)

 การทำจมูกแบบโคลสจะฟื้นตัวไวกว่าก็จริง

แต่ไม่สามารถแก้ไขโครงสร้างจมูกเราได้อย่างครบถ้วนค่ะ

หลังทำเราก็มีดั้งขึ้นมา

แต่ปลายจมูกยังเหมือนเดิมคือ

กว้าง สั้น จมูกหมู ซิลิโคนดูเป็นแท่ง และไม่ธรรมชาติค่ะ ..

ด้วยความขี้เกียจเจ็บตัวอีกครั้ง ก็อยู่กับจมูกนั้นมาตลอด

จนกระทั่งเราเข้ามาทำงานด้านความสวยความงาม

ถูกลูกค้าทักเยอะมากกกกเรื่องจมูกบ้ง

‘ทำที่ไหนมาอะ’ ‘พี่ไม่เอาแบบน้องนะ’ ต่างๆ

ซึ่งเราก็พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส แนะนำลูกค้าไปค่ะ

ถ้าพี่ไม่ศึกษาให้ดีๆ จมูกพี่จะบ้งแบบหนูนี่แหละค่า 55555

พอเราได้มีโอกาสทำจมูกใหม่ที่เกาหลี

ต้องยอมรับค่ะว่าคุณหมอที่นี่เก่งมากๆ

ทำแค่จมูก คุณหมอไม่ได้โฟกัสแค่ดั้งแหมบๆของเรานะคะ

เค้าดูไลน์โครงหน้าผาก,สันจมูก,คาง ให้เข้ากันทุกสัดส่วน

 และออกแบบจมูกให้ค่ะ ซึ่งจมูกเรานอกจากจะ

เปลี่ยนซิลิโคนใหม่แล้วยังมีการตัดปีก

ดึงเสากลางจมูกลงเพื่อให้จมูกดูยาวขึ้น และมีการใช้

กระดูกอ่อนหลังหูด้วยค่ะ

ต่อมาคือโครงหน้า เราเป็นคนตัวผอมค่ะ หนัก47.8 เท่านั้น

แต่ด้วยกรรมพันธุ์ บ้านเราใบหน้าค่อนข้างใหญ่และบาน

ทำให้เราดูเป็นคนอ้วนไปเลยค่ะ (คลั่งผอมมาก

แต่ลดน้ำหนักยังไงก็ดูไม่ผอม เพราะหน้าใหญ่)

ตามปกติของคนเราเวลาน้ำหนักขึ้น จะขึ้นจากส่วนล่างขึ้นบน

 และลดจากบนลงล่าง

 ซึ่งเราเป็นกรณีตรงข้ามเลยค่ะ!

นอกจากเรื่องใบหน้าใหญ่ เรามีส่วนที่ไม่ชอบใจมากๆคือ โหนกแก้ม

 เรามีโหนกแก้มค่อนข้างสูง ทำให้หน้าดูแก่และดุค่ะ

เวลาถ่ายรูปหน้าตรงคือไลน์โครงหน้าจะไม่สมูท

ซึ่งเราไม่ชอบเอามากๆ เลยทำให้ไม่มีความมั่นใจ

เวลาคนอื่นถ่ายรูปให้ค่ะ (เซลฟี่เองซะส่วนใหญ่เพราะรู้มุม)

รูปที่คนอื่นถ่ายให้ เรามักจะเอามือปิดหน้า

หรือหันข้างตัดปัญหาไปเลยค่ะ ซึ่งเบื่อกับท่าเดิมๆมาก

เลยเป็นที่มาของการตัดสินใจทำโครงหน้าครั้งนี้ค่า

ต่อมารายการศัลยกรรมสุดท้ายคือการยกหน้าผากค่ะ ..

เราเป็นคนพื้นที่ระหว่างคิ้วกับตาน้อยมาก บวกกับมี

หนังตาค่อนข้างเยอะ ทำให้เราเป็นคนติดการเลิกคิ้วขึ้น

ตลอดเวลาโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากเปลือกตาหนัก

นอกจากปัญหานี้จะส่งผลให้เกิดนิ้วรอยที่หน้าผากแล้ว

ยังทำให้หน้าเราดูดุด้วยค่ะ ซึ่งเราไม่ชอบลุคหน้าดุ

ของตัวเองมากๆ เลยจัดการยกหน้าผากไปด้วยเลยค่า


เวลาคนอื่นถ่ายรูปให้จะเห็นได้ชัดว่ากรอบหน้าไม่สมูท

ตาดุ และจมูกเป็นแท่งค่ะ


โหนกแก้มชัดมาก + เอามือจับหน้า55


ปิดหน้าแทบทุกรูป

วันที่ 1 หลังจากผ่าตัด

เราทำโครงหน้า3ส่วน กราม คาง โหนกแก้ม

แก้จมูก และยกหน้าผากแก้ปัญหาหนังตาตก

และเพิ่มพื้นที่ระหว่างคิ้ว

ก่อนผ่าก็กังวลมากว่าหน้าจะบวม เพราะเป็นคนเนื้อเยอะ

แต่ผิดคาด พยาบาลบอกว่าบวมน้อยกว่าที่คิดไว้ค่ะ

เช้าวันนี้ก็ยังรู้สึกว่ายาชายังไม่หมดฤทธิ์ ไม่เจ็บเท่าที่

จินตนาการไว้ แต่จะรู้สึกอึดอัดมากกว่าเพราะหน้าบวมค่ะ

บวกกับรพ.ได้ให้ยาแก้ปวดผ่านสายน้ำเกลือด้วย

ไม่อยากถอดสายน้ำเกลือเลย5555555

หลังผ่าตัดเราจะมีสายเดรนเลือดต่ออกจากปาก และเช้า

วันนี้ก็แกะออก พยาบาลบอกว่าหลังแกะออก

รูที่ต่อสายเดรนจะใช้เวลาในการสมานกัน6ชม.

ซึ่งเท่ากับว่าเราทานอะไรไม่ได้เลยค่ะ (แต่บ้วนปาก

ดื่มน้ำเปล่าได้)

หลังจากแกะสายเดรนเลือด พยาบาลก็จะล้างแผลให้ค่ะ

 และจัดการพันผ้าที่หัวให้คืน ผ้าพันหัว (แกะได้ตอนรอบ

วันที่3) + เทปแปะใต้คาง (แกะได้รอบวันที่2)

ทั้งหมดนี้จะพันและแปะไว้กดอาการบวมค่ะ

เนื่องจากว่าเราทำยกหน้าผาก ซึ่งส่วนหัวจะมีเส้นประสาทเยอะ

ทำให้หายคลื่นไส้ช้า ตอนกลางคืนหลังจากดื่มน้ำได้

เราก็อาเจียนตลอดค่ะ เช้ามาพยาบาลเลยฉีดยาแก้

คลื่นไส้ให้ สำหรับวันแรกหลังผ่า สิ่งที่เหนื่อยที่สุดสำหรับเรา

คือความรู้สึกอยากอาเจียนตลอดเวลานี่แหละค่ะ ㅠㅠ

(เสียดายนมถั่วเหลืองที่กินรองท้องก่อนถอดสายเดรนมาก)

หลังผ่าเสร็จ


เช้าวันที่28 หลังแกะสายเลือดกับผ้าพันตั่งต่าง เย่ะ!

ทำจมูกโดยใช้กระดูกอ่อนหลังหูด้วย

จะมีสำลีแบบนี้ค่ะ เช้าวันต่อมาแกะออก


ก่อนผ่ากับพี่ล่ามใจดี


ยาแก้ปวดที่โยงกับสายน้ำเกลือกับอุปกรณ์ดูแลตัวเองที่รพ.ให้

วันที่ 2 หลังผ่าตัด

 เมื่อคืนนอนหลับไม่สบายเท่ากับคืนแรก ตื่นทุก1ชม.

เพราะเมื่อยอยากนอนราบ นอนตะแคงบ้าง แต่ยังทำไม่ได้ ㅠㅠ

เช้ามาสัมผัสได้ว่าหน้าบวมขึ้น กระพุ้งแก้มดันลิ้นเลยทีเดียว ..

จมูกมีตันบ้าง หายใจได้บ้าง คิดว่าน่าจะเพราะอาการบวม

ตอนนี้ยังไม่แกะผ้าพันหัวออก แต่เริ่มคันแล้ว

อยากเกาแต่เกาไม่ด้ายยยยย แง


วันนี้พยาบาลบอกให้แกะเทปที่คางออกได้แล้ว

เป็นอะไรที่ฟินมากกกก ตอนแกะออกยากนิดนึง

เพราะกาวค่อนข้างเหนียว แต่ใช้น้ำลูบๆค่อยๆแกะออก

ก็โล่งมาก และดูบวมกว่าเดิมอีกมากค่ะ

หมอบอกว่าอาการบวมจะเริ่มจากด้านบนลงล่าง

ไม่ต้องตกใจ หวังว่ามันจะหายเร็วๆนะ TT


ไว้เดี๋ยวมาอัพเดตวันที่ 3 ต่อนะคะ อดใจรอแปบนึงนะ~~

วันที่ 3 หลังการผ่าตัด

เมื่อคืนก็นอนหลับไม่สนิทเหมือนเดิม ตื่นทุก2-3ชม. วันนี้รู้สึกทรมานที่สุดเพราะอาการบวม (ผู้เชี่ยวชาญแจ้งว่า 2-3วันแรกจะบวมมาก ขอให้พรุ่งนี้หายบวมลงซักนิดด้วยเถ้อะㅠㅠ) ตอนนี้รู้สึกตึงในช่องปากและรอบๆตามากค่ะ มีบ้างที่รู้สึกปวดแผลในปากร่วมด้วยแต่พยายามไม่กินยาแก้ปวด เนื่องจากยาที่จำเป็นต้องกินก็กินค่อนข้างยากแล้ว ㅠㅠ เลยอดทนเอาค่ะ ปากยังอ้าไม่ได้มาก เลยต้องดันยาทีละเม็ดเข้าปาก (อ้ากว้างกว่าเม็ดยาไม่ได้) ..

หลังแกะเทปใต้คางเมื่อวานก็เป็นไปตามคาดค่ะ ใต้คางบวมหนักเหมือนเป็นคางทูมก็ประคบเย็นรัวๆไป


ต้องหมั่นประคบเย็นและเดินเยอะๆค่ะ มันช่วยลดบวมได้ㅠㅠ

วันที่ 4 หลังผ่า


ร่างกายก็ยังคงไม่ชินกับการนั่งนอน555 ตื่นไม่เป็นเวลาอีกแล้ว แต่เว้นช่วงยาวขึ้นกว่าเดิม เช้าวันนี้ตื่นขึ้นมาตอนตี5 อาการบวมดูคงที่จากเมื่อวาน (ถือเป็นเรื่องราวดีๆ55555) ไหนๆก็ตื่นแล้วเลยลุกขึ้นมาบ้วนปาก ประคบเย็นลดบวมซะเลยค่ะ (ใจอยากนอน แต่ด้วยท่านอนแล้วคือหลับยากมาก ㅠㅠ)

นอกจากอาการบวมที่ทรงๆ ก็มีอาการเจ็บคออย่างหนักร่วมด้วยจากที่เคยอ่านรีวิวท่านอื่น หลังผ่าตัดจะเจ็บคอเป็นปกติ เนื่องจากสอดท่อลงคอตอนให้ยาสลบ แต่สองวันแรกหลังผ่า เราแค่มีอาการแสบคอเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคิดว่าโชคดีจังไม่เจ็บคอ (ที่ไหนได้ มาแบบดีเลย์) ไม่แน่ใจว่าที่เจ็บตอนนี้เพราะไม่สบายจริงๆเนื่องจากนอนน้อยหรือเพราะท่อ แต่เป็นอะไรที่รู้สึกน่าหงุดหงิดใจเล็กๆเพราะไม่สบายตัว

ส่วนเฝือกจมูกยังไม่ถึงรอบวันที่ต้องแกะ แต่เราก็เริ่มรำคาญแล้วเหมือนกัน ว่างๆก็นั่งแงะพลาสเตอร์ที่เฝือกเล่นจ้า.. (ไม่ดีเน้อ)

ตื่นมาประคบเย็นซะเลย (ก่อนประคบต้องเอาผ่าห่อไอซ์แพคนะคะ ถ้าไอซ์แพคสัมผัสผิวโดยตรง ความเย็นจะไหม้ผิวได้จ้า ส่วนที่หน้าผากนั้น เราเอาออกมาไว้ข้างนอกให้หายเย็นระดับนึงแล้วประคบค่ะ เนื่องจากผ้าห่อมีอันเดียว)


ยิ้มอ่อนได้แล้ววุ้ย555

วันที่ 5 หลังการทำศัลยกรรม

วันนี้ตื่นมาพร้อมอาการโลกหมุนเนื่องจากไม่ได้ทานข้าวเลยตั้งแต่ผ่าตัด เลยเอาโจ๊กสำเร็จรูปไปอุ่นลองทานดูค่ะ แต่เนื่องจากโจ๊กเกาหลีค่อนข้างหนืด ทำให้ทานยาก เลยกดน้ำอุ่นผสมให้เหลวๆ

 แล้วใช้วิธีสูดเพื่อกินเข้าไปจ้า (ณ จุดนี้ไม่ห่วงเรื่องรส แต่ห่วงเรื่องการอยู่รอด 5555) ปากอ้าได้มากขึ้นกว่าเดิมนี้ดดดดหน่อยค่ะ ฉีกยิ้มได้มากขึ้น แต่ก็ยังตึงๆอยู่ รอยช้ำมีใต้ตาจางๆ และมีไหลลงมาที่คอเล็กน้อยค่ะ (เราเป็นคนไม่ค่อยช้ำอยู่แล้ว เลยไม่เป็นหนักค่า)

นอกจากอาการโลกหมุน วันนี้เป็นวันแกะเฝือกจมูกค่ะ (เฮ!!) เราแกะเฝือกเสร็จปุ๊บก็ออกไปช็อปปิ้งที่สถานีคังนัมต่อ เป็นการออกไปข้างนอกครั้งแรกตั้งแต่ทำศัลยกรรม ค่อนข้างลำบากนิดหน่อย เพราะตั้งแต่เมื่อวานน้ำมูกเราไหลเยอะมากค่ะ การออกไปข้างนอกจะไม่ได้มีเวลามาทำความสะอาดรูจมูกบ่อย ทำให้จมูกตัน และหายใจลำบาก..

วันนี้เดินค่อนข้างเยอะค่ะ พยายามเท่าที่ไหว กลัวล้มนอกบ้านเหมือนกัน เพราะร่างกายขาดพลังงานหนักมาก แต่ก็กลับบ้านได้อย่างปลอดภัยค่ะ


หลังถอดเฝือกจมูก มุมตรง มุมข้าง เห็นได้ว่ายังบวมอยู่น๊า


โจ๊กสามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อค่ะ


อาการบวมของโครงหน้า นอกจากตรงเนื้อใต้คางแล้ว

ก็จะมีส่วนของแก้มด้านล่างที่เอามือบีบให้ดูค่ะ บวมเป็นลูกเลย 555

วันที่ 6 หลังจากผ่าตัด

!! ไปทำงานที่เรารักกันเถ้อะ !!

ฟังดูน่าตกใจ ที่คนที่ผ่าตัดศัลยกรรมโครงหน้า แก้จมูก ยกหน้าผากพร้อมกันในทีเดียว

จะเริ่มทำงานได้ตั้งแต่รอบวันที่6หลังผ่า(ไหมยังไม่ตัดซักจุด)

ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้ว 555555555

วันนี้เราแต่งหน้ามาทำงานค่ะ แต่ค่อนข้างลำบากเพราะส่วนโหนกแก้ม

ขมับ ใต้ตา ค่อนข้างระบม แต่งไปก็เป็นคราบไป แต่งหน้าไม่ค่อยติดค่ะ

ตอนนี้อาการบวมช่วงด้านบนของใบหน้าไม่ได้หนักมาก พี่ที่ทำงานทักว่า

ถ้าไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ก็ไม่รู้ว่าทำหน้ามา (อู้ว)

แต่อย่างที่พยาบาลเคยบอกไว้ค่ะ อาการบวมช้ำคนเราไหลจากบนลงล่าง

ตอนนี้สภาพคางและใต้คางคืออืดเต็มที่ เหมือนคนน้ำหนักขึ้นเลยค่ะ

เราเลยใส่มาส์กปิดปาก (เอามาปิดบริเวณคางไว้)



เนื่องจากต้องทำงาน ท้องเราก็ต้องอิ่มถึงจะมีแรง

แต่เพราะยังทานอะไรไม่ได้มาก เมื่อวานเราเลยหาซื้อชุดกล่องข้าว+ช้อนของเด็กเล็กมาค่ะ

จัดการซื้อไข่ม้วน,ไข่ต้ม,กล้วยในร้านสะดวกซื้อ

เอามาบี้ๆๆใส่กล่องข้าว และพกไปทานที่ที่ทำงานด้วยค่ะ (เบื่อโจ๊กㅠㅠ)

ถึงแม้จะทำงาน เราก็ไม่ลืมที่จะพกน้ำยาบ้วนปาก และอุปกรณ์ล้างแผลออกมาด้วย

เพื่อความสะอาดและหลีกเลี่ยงการอักเสบติดเชื้อจ้า


2018.04.03

หลังทำศัลยกรรมครบ 1อาทิตย์ !

ตั้งแต่ทำศัลยกรรมมาจนครบ1อาทิตย์ จะพูดถึงจุดที่คนทักมากที่สุดก่อนก็คือ ‘ตา

ทุกคนที่เจอหน้าจะถามว่า ทำอะไร ได้ทำตามั้ย? ซึ่งแน่นอนค่ะว่าคำตอบคือไม่555

แต่ทำไมตาถึงเปลี่ยน?

สาเหตุมาจากการยกหน้าผากนั่นเองค่ะ

เดิมทีเราเป็นคนที่มีตา2ชั้นอยู่แล้ว แต่หนังตาหนา และค่อนข้างตก

 บวกกับพื้นที่ระหว่างคิ้วกับเปลือกตาแคบ คุณหมอเลยแนะนำการศัลยกรรมยกหน้าผากค่ะ

ซึ่งผลจากการศัลยกรรมยกหน้าผาก ทำให้หลายๆคนทักเราว่าตาดูสวยขึ้น

ตาดูสดชื่นขึ้น ตาดูโตขึ้น ซึ่งเราแฮปปี้มากๆ..

บวกกับตอนนี้เราไม่จำเป็นต้องเลิกคิ้วขึ้นตลอดเวลาเพื่อเบิ่งตาตัวเอง

(มักทำเมื่อรู้สึกล้า หรือหนักหนังตา ทำบ่อยๆจะส่งผลให้ติดเป็นนิสัย

 ก่อให้เกิดริ้วรอยได้ในอนาคตค่ะ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจเป็นเพราะอยู่ระยะบวมและตึงด้วย

 ยังไงก็อยากรอดูผลต่อไปอีกยาวๆค่า

ส่วนจมูก เสียงตอบรับส่วนใหญ่คือชอบความไม่ทื่อของสันและปลายแอบพุ่งเล็กๆค่ะ

สุดท้ายคือโครงหน้า ความบวมยังกองอยู่ที่แก้มล่างกับเหนียงเหมือนเดิม

แต่หลายๆคนที่รพ.ก็ทักเหมือนกันค่ะว่าอาการบวมโดยรวมลดลงเร็วมากๆ

ซึ่งเราก็ลุ้นอยากให้มันหายไวๆเหมือนกันค่า (เดาหน้าตัวเองไม่ออกเลยตอนนี้ ToT)



2018.04.06

10 วันหลังผ่าตัด!

ผ่านไปแล้ว10วัน วันนี้ตัดไหมในจมูก หลังหู และแกะแมคบนหัวออกค่ะ

รู้สึกโล่งมากๆ จะได้สระผมแบบไม่กังวลว่าอะไรจะเกี่ยวแมคแล้ว

จะได้ไม่ต้องกังวลว่าไหมในจมูกจะยังสะอาดดีมั้ย ฟินนน


แต่ไหมยังไม่หมดค่ะ เหลือไหมในปาก ซึ่งจะตัดตอนวันที่14หลังผ่าตัด

ระหว่างนี้ก็บ้วนปากรักษาความสะอาดวนไปค่า

ส่วนอาการบวมก็ยังทรงๆค่ะ (ㅠㅡㅠ) แต่พอลองสังเกตตัวเองในกระจกดีๆ

 บางครั้งอาการบวมก็หายไปจนแอบเห็นคางโผล่นิดๆ

บางครั้งก็กลับมาหน้ากลมเหมือนเดิม ดูบวมขึ้นๆลงๆ 555 เราก็ไม่ย่อท้อ

 ขยันเดินและประคบเย็นต่อไปค่ะ

ช่วงนี้พอจะถ่ายรูปเล่นได้บ้างแล้ว (แบบหามุมหลบหน้าบวม)

วันนี้ระหว่างนอนอบออกซิเจนลดบวมก็ลองถ่ายรูปเล่นค่ะ

 ถ้าเอามือปิดหรือหามุมดีๆก็พอจะรอดอยู่นะ 5555

ผ่านมา10วัน ปากสามารถอ้าได้มากขึ้นนิดหน่อยค่ะ พอจะมีแรงเคี้ยวเบาๆแล้ว

แต่ติดตรงที่ยังยัดช้อนขนาดปกติเข้าปากไม่ได้ (휴 휴) ..

จบที่ทานของเหลวต่อไปรัวๆค่า …


ไว้จะมาอัพเดทเรื่อยๆ ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^

2018.04.10

ทำศัลยกรรมครบ 2 อาทิตย์ !!

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ต้องตัดไหมแล้วค่ะ ซึ่งก็คือไหมในปาก.. ก่อนตัดค่อนข้างกังวลมาก

 เพราะได้ยินเสียงขู่มาจากหลายทางว่าตัดไหมในปากเจ็บที่สุด!!

ไม่อยากไปรพ.เลยค่ะ .. 555

แต่ด้วยพลังแห่งความหิว รู้สึกว่าการมีไหมในปากทำให้การกินลำบาก

เลยบอกตัวเองว่าฮึบสุดท้าย ตัดไหมเสร็จแล้วพาตัวเองไปกินข้าวกัน

แต่พอตัดไหมจริงๆ ก็ไม่ได้เจ็บเท่าที่จินตนาการไว้ค่ะ

อาจจะมีจี๊ดๆบ้าง เพราะเหงือกเป็นส่วนที่ค่อนข้างบอบบาง

ทั้งปากเจ็บสุดจะเป็นส่วนตรงคางค่ะ พยาบาลบอกว่าร่างกายคนเราตรงนั้นเส้นประสาทเยอะ

เลยจะเจ็บหน่อย..

แต่หลังตัดไหม รู้สึกเหมือนเคลียเกมผ่านด่านเลยค่ะ ปลดล็อคมากๆ โล่งมาก

ตั้งแต่ผ่าวันแรก ตอนนี้ถือว่าอ้าปากได้มากขึ้นอีกนิดหน่อยค่ะ

พอตัดไหมปุ๊บ เราก็กล้ากินอะไรมากขึ้น55555

แต่ลิ้นเราก็ยังไม่สามารถดุนลงไปถึงซอกฟันข้างกระพุ้งแก้มได้อยู่ดี

เพราะฉะนั้นหลังทานอะไร เราเลยรีบบ้วนปากเพื่อขจัดเศษอาหารที่ติดค้างค่ะ

การแปรงฟันสามารถเริ่มทำได้แล้ว เราใช้แปรงเด็กจุ่มกับน้ำยาเบตาดีนบ้วนปากที่รพ.

จัดไว้ให้ค่อยๆแปรงค่ะ แล้วตามด้วยบ้วนน้ำเปล่าป้องกันฟันเหลือง


(◡‿◡✿) (◕‿◕✿) 

มารัดหน้ากันเถอะ! 💪

หลังจากการทำศัลยกรรมโครงหน้าครบ7วัน*

รพ.จะให้ผ้ารัดหน้า และคู่มือการใช้ผ้าค่ะ ซึ่งคนทั่วไปจะเข้าใจว่า

ถ้าเราทำศัลยกรรมโครงหน้าต้องรัดหน้าตลอด

ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดค่า การใส่ผ้ารัดหน้าจะมีระยะใส่แบะถอดพักค่ะ

และที่สำคัญคือ ห้ามใส่ตอนนอนเพราะจะทำให้เลือดไม่เดิน

 เพราะฉะนั้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

หลังศัลยกรรมจะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่รพ.แนะนำอย่างเคร่งครัดนะคะ

  *(การทำโครงหน้าที่มีโหนกแก้มด้วย จะต้องรัดหน้าค่ะ)


 2018.04.15

ย่างเข้าอาทิตย์ที่3หลังผ่าตัด

นอกจากเรื่องอาการบวมที่แน่นอนว่ายังเหลืออยู่ กับการอ้าปากที่ยังอ้ามากไม่ได้

เราก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่มีปัญหาค่ะ

วันนี้ทานเนื้อย่าง และไปเล่นเกมส์ VR ซึ่งการใส่แว่นตาไม่เป็นอุปสรรคใดๆกับชีวิตแม้แต่น้อย 5555555



❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

2018.04.27

ผ่าตัดครบ 1เดือน!!

ผ่านมาแล้ว1เดือน เวลาผ่านไปไวมากๆ

ตอนนี้ก็เริ่มใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติเกือบ 100%แล้วค่ะ


อาการบวมแน่นอนว่ายังเหลืออยู่ ช่วงนี้มีแต่คนทักแก้มค่ะ

บอกว่าหน้าเหมือนกระรอกเวลาอมอะไรไว้ในแก้ม ฮ่าๆๆ

ตอนนี้ปากอ้าได้กว้างมากขึ้น แต่ยังไม่ถือว่าเป็นระดับปกติค่ะ ยังลำบากเวลาหาว

เพราะมันไม่สามารถอ้าปากหาวได้ (ㅠㅡㅠ ) ..

อาการตึงๆบริเวณปากและแก้มยังคงเหลืออยู่ค่ะ พออาการบวมลดลง

ไหมในปากก็โผล่ขึ้นมาให้เห็น (ไม่ใช่รพ.ชุ่ยตัดไม่หมดนะคะ

เพียงแค่ตอนแรกอาการบวมมีมาก เลยทำเหงือกและกระพุ้งแก้มบังไหมค่ะ)

 ซึ่งทางรพ.แจ้งว่าไหมในปากเป็นไหมละลาย ไม่ต้องตกใจ

พอถึงเวลามันจะหายไป ซึ่งเราก็ไม่ซีเรียสค่า

ในส่วนของจมูก ตรงปีกจมูกเริ่มนุ่มขึ้นแล้วค่ะ จากตอนแรกที่จมูกจะค่อนข้างแข็ง

 ส่วนหูข้างที่เอากระดูกอ่อนออกมายังเหลือรอยช้ำม่วงจางๆ

และรู้สึกปวดจี๊ดๆเป็นบางครั้งค่ะ

หน้าผากถือว่าอาการบวมเหลือน้อยที่สุด แต่บริเวณที่ใส่เอ็นโดไทน์ยึดไว้

เริ่มมีความรู้สึกจี๊ดๆบ้าง ซึ่งเป็นอาการปกติเวลาเส้นประสาทเริ่มฟื้นตัวค่ะ


สภาพโดยรวมถือว่าพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนเช็คกับคุณหมอ

คุณหมอแจ้งว่าพออาการบวมหาย

ทุกอย่างจะดูเข้าที่มากขึ้นก็อุ่นใจค่ะ >_<

((ปล. ทำโครงหน้าครบรอบ1เดือนแล้ว อย่าลืมฝึกอ้าปากนะคะ~))

2018.05.27

ครบรอบ 2 เดือน

ช่วงประมาณ 2เดือน1อาทิตย์ ปากเริ่มอ้าได้มากขึ้น

สังเกตุจากเวลาแปรงฟันที่หัวแปรงสามารถเข้าไปถึงฟันซี่ในสุดได้โดยไม่ต้องยัด

คนรอบข้างทักว่าอาการบวมของจมูกแทบไม่เหลือแล้ว จมูกเล็กและสลิมขึ้น

แต่ตรงส่วนแก้มล่างยังมีความบวมอยู่ จมูกเลยดูเล็กถ้าเทียบกับขนาดหน้า

ปีกจมูกนิ่มขึ้นจนสามารถบีบปลายจมูกได้แล้ว แต่ยังไม่กล้าสั่งน้ำมูกแรงๆ

ยังคงใช้คัตตอนบัตในการทำความสะดวกจมูกค่ะ

สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เริ่มเคี้ยวของแข็งขึ้นได้แล้ว (เช่นเอ็นข้อไก่ 5555)

สิ่งที่ยังลำบากอยู่ก็คือ การหาว

เพราะยังอ้าปากกว้างจนสุดไม่ได้ ทำให้เจ็บตรงข้อต่อขากรรไกร


(◡‿◡✿) (◕‿◕✿) 

2018.06.27

ทำศัลยกรรมครบ 3เดือน

การชาโดยรวมดีขึ้นเยอะมากค่ะ

บริเวณที่ชาหนักๆเช่นใต้ตา + บนหัว ก็ดีขึ้นมากๆ

ปากยังอ้าได้ไม่เยอะ แต่ก็ค่อยๆอ้าได้กว้างขึ้น ตอนหาวไม่เจ็บตรงข้อต่อขากรรไกรแล้วค่า

คนรอบตัวทักว่าอาการบวมลดลงเยอะกว่าเดือนที่แล้ว แต่แน่นอนว่ายังไม่หายหมด 100% นะคะ

โดยรวมคือสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลยค่ะ

รอแค่ให้ร่างกายฟื้นตัวตามลำดับเท่านั้น


ระยะ 3เดือนนี้ สามารถถ่ายรูปได้มากขึ้นกว่าที่ผ่านๆมาค่ะ

เพราะหน้าไม่อืดหนักแล้ว อาศัยหามุมดีๆก็รอดแล้ว

แต่เนื่องจากเป็นคนที่ผิวค่อนข้างหนาและเนื้อเยอะ

ทำให้ดูมีแก้ม และมีเนื้อใต้คางค่อนข้างมากค่ะ เลยทำให้ยังไม่เห็นกรอบหน้าที่ชัดเจน T^T


หมายเหตุ ภาพ Before After บนเว็บไซต์ ทั้งหมด ผลลัพธ์ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลแตกต่างกันออกไป และราคาหรือโปรโมชั่นศัลยกรรมและความงามอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าก่อนรับบริการ สามารถอ่านเงื่อนไขได้ที่ เงื่อนไขการให้บริการ


번역 저작권자 - Oppa Me Global 성형외과 미디어 플랫폼

Comments


bottom of page